EVERFRESH นวัตกรรม ‘ยืดอายุ’ ช่วยผลไม้ส่งออกชะลอเน่าเสีย

ผู้ส่งออกผลไม้ หมดห่วง หลังสตาร์ตอัพสร้างผลิตภัณฑ์ EVERFRESH ช่วยรักษาคุณค่าโภชนาการ และคุณภาพผลไม้ ระหว่างขนส่ง ยืดอายุอย่างน้อย 2 เท่า
ชี้ผลทดสอบ ‘มะม่วงน้ำดอกไม้’ จากเดิมอายุ 7 วัน สภาพเริ่มเปลี่ยน แต่หลังเคลือบด้วย EVERFRESH อยู่ได้ 14 วัน
ตอกย้ำ การเป็นสารธรรมชาติ กลุ่มเปปไทด์ (โปรตีน) ปลอดภัยทั้งกับผู้บริโภค และการส่งออก

ผลไม้ไทย เป็นที่นิยมรับประทานของคนทั่วโลก แต่ผลไม้ชนิดไหนจะถูกส่งออกไปยังประเทศไหนได้ เป็นเรื่องที่มีหลายองค์ประกอบรวมอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของ ‘อายุผลไม้’ ที่จะอยู่รอดปลอดภัยในการเดินทางได้มากน้อยแค่ไหน? แบบว่า ไปถึงแล้วยังได้โชว์สวย ความน่ารับประทานยังมีสูง สีสันสดใส หรือมากสุดคือสุกพอดีกับการรับประทาน ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ปลายทางของสินค้า ขายได้ราคาดี ตรงกันข้าม หากสุกก่อนการวางขาย นั่นเป็นความเสียหาย ที่จะเกิดอย่างใหญ่หลวงต่อผู้ส่งออก 

ยกตัวอย่าง ‘มะม่วงน้ำดอกไม้’ ซึ่งจัดว่าเป็นผลไม้ที่ใครก็ตาม หากได้มาลิ้มชิมรสเป็นต้องติดอกติดใจ กลับไปถึงบ้านตัวเองก็ยังอยากรับประทานอีก จะปลูกเองที่บ้านก็พอได้ถ้าเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศใกล้เคียงประเทศไทย แต่ถ้าจะกินให้อร่อยต้องมาที่ประเทศไทยนี่แหละ เพราะจะยังได้ฟินกับ ‘ข้าวเหนียวมะม่วง’ ซอฟต์พาวเวอร์สุดโด่งดังของประเทศไทย ส่วนชาวเมืองหนาวบอกเลย ว่า การปลูกนั้น ‘หมดสิทธิ์’ ดังนั้น มะม่วงน้ำดอกไม้ส่งออก จึงเป็นความท้าทายของธุรกิจที่ต้องมองหา Solution และก็น่าดีใจ ที่ขณะนี้ ‘นวัตกรไทย’ หรือ สตาร์ตอัพ ด้าน Food Tech พัฒนาผลิตภัณฑ์ไบโอโมเลกุลเปปไทด์ สำหรับยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหาร ขึ้นมาได้

ข่าวดีนี้ ดังสะพัดตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง สันติ นกยอด 1 ในทีมผู้คิดค้น และปัจจุบันเป็น CMO บริษัท ไซเฟอร์ อินโนเทค จำกัด ออกมาเผยถึงการพัฒนาสูตร EVERFRESH นวัตกรรมยืดอายุฯ นี้ว่า ถือเป็นผลิตภัณฑ์ยืดอายุชนิดใหม่ในท้องตลาด ที่นำสารธรรมชาติในกลุ่มเปปไทด์ (โปรตีน) ที่ได้จากแบคทีเรีย มาใช้ลดเชื้อจุลินทรีย์บนผิวเปลือกผลไม้ โดยให้ประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์สูงกว่า ‘การล้างด้วยคลอรีน’ ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ถ้าหากสะสมในร่างกายจะเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น EVERFRESH มีความปลอดภัย หากเทียบกับ ‘แว๊กซ์’ ซึ่งเป็นอีกชนิดที่ใช้เคลือบผลไม้ส่งออก กล่าวได้ว่า EVERFRESH มีความเป็น ‘สารธรรมชาติ’ มากกว่า ‘การเคลือบด้วยแว็กซ์’ (แม้แว็กซ์ใช้เคลือบผลไม้ในปัจจุบันมีทั้งแว็กซ์ที่ได้จากธรรมชาติและแว็กซ์ที่ได้จากสังเคราะห์ ก็ตาม) เหตุผลความปลอดภัยของ EVERFRESH เป็นเพราะการพัฒนาที่มาจากการผสมระหว่าง ‘สารชีวโมเลกุลต่างๆ’ ที่ล้วนเป็นสารที่รับประทานได้ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหาร ในผลิตภัณฑ์ยังมีการใช้สารชีวโมเลกุลต่างๆ ด้วยอัตราส่วนที่เหมาะสม และมีการใช้ ‘กระบวนการเฉพาะ’ ในการผลิต ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูง ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ สาเหตุของอาหารเน่าเสีย ผลิตภัณฑ์อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ฉีดพ่นลงในผักสด ผลไม้สด เพื่อยืดอายุการเก็บให้ยาวนานมากขึ้น หน้าที่ของเปปไทด์และสารชีวโมเลกุล ในการเคลือบผลไม้ ทั้งนี้ เมื่อใช้เปปไทด์และสารชีวมวลในการเคลือบผลไม้แล้ว ผลไม้จะได้ประโยชน์ 3 ด้าน 1. ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวผลไม้ทำให้ดูน่ารับประทาน 2. ลดอัตราการเติบโตของจุลินทรีย์บนผิวเปลือกผลไม้ ทำให้โอกาสผลไม้เน่าเสียลดลง แม้จะมีรอยแผลเล็กๆเกิดขึ้นระหว่างขนส่ง 3. รักษาคุณค่าทางโภชนาการและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ระหว่างการขนส่ง

จุดเด่นของ EVERFRESH
กล่าวได้ว่า EVERFRESH เป็นโมเลกุลทางชีวภาพที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่เกิดการสะสมในร่างกาย EVERFRESH ถูกพัฒนาให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ และด้วยคุณลักษณะที่เป็น ‘น้ำ’ ทำให้สามารถปรับลักษณะการใช้ให้เหมาะกับผลไม้แต่ละชนิดใช้ได้ทั้งการจุ่ม (Dip) หรือการฉีดพ่น (Spray) ทำให้ใช้งานง่าย โดยอยู่ในรูปแบบของเหลว ทั้งยังให้ประสิทธิภาพสูงกว่าคลอรีนในปริมาตรที่เท่ากัน (ใช้กับผลไม้ได้มากกว่า 6 – 10 เท่า)

และนี่ก็คือ ประโยชน์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยเมื่อผลไม้สามารถคงลักษณะภายนอก คุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการได้นานขึ้น ผลที่ได้ คือ
– มีอายุการเก็บรักษานานขึ้น
-ขยายตลาดได้มากขึ้นเพราะสามารถส่งออกได้ไกลขึ้น
– ผลิตภัณฑ์มีเวลาวางจำหน่ายได้มากขึ้น (Shelf Life นานขึ้น)
– ลดปริมาณขยะที่จะเสียง่ายภายในครัวเรือน

โดยใช้ได้กับผลไม้เปลือกบางชนิดอื่น เช่น องุ่น และพืชผัก ในครัวของทุกบ้าน

EVERFRESH ได้ทดสอบกับมะม่วงน้ำดอกไม้ผลไม้ส่งออกเปลือกบางและเน่าเสียง่าย พบประสิทธิภาพในการยืดอายุมะม่วงได้อย่างน้อย 2 เท่า นี่จึงอาจทำให้ไทยเราส่งออกมะม่วงได้ไกลกว่าเดิม ก็อาจจะเป็นได้

EVERFRESH สร้างประโยชน์ให้ประเทศและผู้ส่งออกมากอย่างนี้ แน่นอนว่า นวัตกรรมนี้ก็เข้าตากรรมการ รับรางวัล “รองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลสิ่งประดิษฐ์เยาวชนจากเวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม Thailand New Gen Inventors Award: I-New Gen Award 2023 ระดับอุดมศึกษา กลุ่มการเกษตร” สร้างเกียรติประวัติที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง โดยมีผู้วิจัย เป็นนักศึกษาปริญญาตรี ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นอกจาก สันติ นกยอด ที่เรากล่าวถึงในข้างต้นแล้ว ยังมีคณะผู้ร่วมจัดทำอีก 7 ท่าน ประกอบด้วย

นางสาวกานต์ญาณี ศรีแก้วฟ้าทอง, นางสาวธนวรรณ สังข์สุวรรณ, นางสาวสุธาทิพย์ เงินเจือ, นางสาวเบญญาภา เศรษฐวิบูลย์

นายกิตติพัฒน์ อินนะรายรัมย์, นายณัฐกฤษ ลาภแก้ว และนางสาวหทัยชนก บุญชู

ทั้งยังมีอาจารย์ที่ปรึกษา คือ ท่าน ผศ.ดร.นุจริน จงรุจา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)

อย่างไรก็ตาม เมื่อ EVERFRESH มาเป็นผลิตภัณฑ์ วางขายในท้องตลาดอย่างกว้างขวางแล้วนี้ ก็คาดการณ์ว่า จะช่วยสร้างประโยชน์ ทั้งกับธุรกิจส่งออก และทุกๆ ครัวเรือน ที่จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างง่าย คาดการณ์ด้วยว่า จะลดมูลค่าความเสียหายให้กับผู้ส่งออกได้มาก สร้างเม็ดเงินกลับเข้าประเทศได้มากกว่าเดิม จากเดิมที่ต้องเสียไปกับการเน่าเสีย เพราะจากผลไม้ส่งออก จำนวนกว่า 100 ล้านตัน/ปี นั้น มีตัวเลขว่า มีการเน่าเสียระหว่างขนส่งประมาณ 30% ความสูญเสียนี้ จะน้อยลงกว่าเดิมมาก เมื่อผู้ส่งออกรู้จัก EVERFRESH  ดึงเม็ดเงินกลับเข้ากระเป๋าและประเทศเพิ่มขึ้น แม้สินค้าจะยังส่งออกเท่าเดิมก็ตาม

 

ปัจจุบัน ตลาดส่งออกมะม่วงสดที่สำคัญ อยู่ที่ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน รัสเซีย ลาว และเมียนมา ส่วนที่สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี จะมีการส่งออกเฉพาะมะม่วงกระป๋องเท่านั้น อนาคต ถ้าเราวิจัยและพัฒนาให้ยืดอายุได้นานกว่านี้ ไม่แน่ ฝั่งประเทศกลุ่มหลัง อาจไม่ต้องรับประทานเพียง ‘มะม่วงกระป๋อง’ อย่างเดียวอีกต่อไป

 

ช่องทางการติดต่อ Everfresh: คุณสันติ นกยอด บริษัท ไซเฟอร์ อินโนเทค จำกัด (Cypher innotech Co.,Ltd)

เบอร์ โทรศัพท์ 098-408 7985

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Shopping Basket